คือลักษณะของคลื่นที่เดินทางจากน้ำลึกมายังน้ำตื้น เเรงคลื่นที่เดินทางมานั้นชนชายฝั่ง หรือชายหาดและเมื่อชนเเล้วเกิดการแยกตัวออกจากชายฝั่งออกมาเป็นคลื่นทั้งสองด้าน และกระแสน้ำทั้งสองด้า่น และเกิดกระแสน้ำตรงกลางคล้ายรูปเห็ดมีทิศทางพัดพาทุกอย่างออกจากฝั่งอย่างรวดเร็ว กระแสน้ำที่ไหลออกเราจึงเรียกว่า Rip Current
ดังที่เห็นจากด้านบนแสดงให้เห็นว่ากระแสการฉีกทํางานอย่างไร คลื่นที่แตกหักข้ามแถบทรายนอกชายฝั่ง น้ําที่ถูกผลักเข้าไปสามารถเดินทางกลับออกสู่ทะเลได้อย่างง่ายดายที่สุดผ่านช่องว่างในแถบทราย โฟลว์นี้สร้างกระแสการริพที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว
คลื่นดอกเห็ดมักเรียกง่ายๆ ว่ากระแสน้ํากระเพื่อม (หรือกระแสน้ําที่ฉีกขาด) เป็นกระแสน้ําชนิดหนึ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ใกล้ชายหาดที่มีคลื่นแตก การฉีกขาดเป็นกระแสน้ําที่แรงแปลเป็นภาษาท้องถิ่นและแคบซึ่งเคลื่อนที่ออกจากชายฝั่งโดยตรง ตัดผ่านแนวคลื่นที่แตกหักเหมือนแม่น้ําที่ไหลออกสู่ทะเล กระแสน้ํากระเพื่อมจะแรงที่สุดและเร็วที่สุดใกล้กับพื้นผิวของน้ํามากที่สุด 1
คลื่นดอกเห็ดอาจเป็นอันตรายต่อคนในน้ํา นักว่ายน้ําที่ติดอยู่ในกระแสน้ําที่ฉีกขาดและไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นหรือผู้ที่อาจไม่มีทักษะน้ําที่จําเป็นอาจตื่นตระหนกหรือพวกเขาอาจหมดแรงโดยพยายามว่ายน้ําโดยตรงกับการไหลของน้ํา เนื่องจากปัจจัยเหล่านี้กระแสน้ําที่ฉีกขาดเป็นสาเหตุสําคัญของการช่วยเหลือโดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ชายหาดและเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตเฉลี่ย 46 รายโดยการจมน้ําตายต่อปีในสหรัฐอเมริกา
กระแสน้ําที่ไหลผ่านเป็นช่องทางที่ทรงพลังและแคบของน้ําที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วซึ่งแพร่หลายไปตามชายฝั่งตะวันออกอ่าวและตะวันตกของสหรัฐอเมริการวมถึงตามแนวชายฝั่งของทะเลสาบใหญ่
การเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุดแปดฟุตต่อวินาทีกระแสน้ําที่ฉีกสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วกว่านักว่ายน้ําโอลิมปิก
นักว่ายน้ําที่ตื่นตระหนกมักจะพยายามตอบโต้กระแสน้ําที่ฉีกขาดโดยการว่ายน้ําตรงกลับไปที่ชายฝั่งทําให้ตัวเองเสี่ยงต่อการจมน้ําเพราะความเหนื่อยล้า
เจ้าหน้าที่กู้ชีพช่วยเหลือผู้คนนับหมื่นจากกระแสน้ําที่ฉีกขาดในสหรัฐอเมริกาทุกปี แต่คาดว่า 100 คนถูกฆ่าตายโดยกระแสน้ําที่ฉีกขาดเป็นประจําทุกปี หากติดอยู่ในกระแสน้ําที่ฉีกขาดอย่าต่อสู้กับมัน! ว่ายน้ําขนานกับชายฝั่งและว่ายน้ํากลับลงจอดในมุมหนึ่ง
ในขณะที่คําศัพท์มักจะสับสนกระแสฉีกจะแตกต่างจากกระแสน้ําที่ฉีกขาด กระแสน้ําที่ฉีกขาดเป็นกระแสเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วของน้ําขึ้นน้ําลงผ่านทางเข้าและปากของปากน้ํา embayments และท่าเรือ
[su_heading size=”18″ align=”left”]มันเกิดขึ้นได้อย่างไรและมันเกิดได้ที่ไหนบ้าง[/su_heading]นักวิทยาศาสตร์ชายฝั่งได้ทำการวิจัยปรากฏการณ์ Rip Current มามากกว่า 75 ปี ได้ทำการวิจัยในทุกๆด้าน ทั้งด้านการศึกษาทางกายภาพ ทางการวัดในห้องปฏิบัติการทดลอง และการใช้โมเดลและคอมพิวเตอร์ในการคำนวณ กลใกในการเกิดของมันค่อนข้างซับซ้อนระหว่าง คลื่น ลม และระดับน้ำ และรูปทรงของชายฝั่ง [su_highlight background=”#149dfc” color=”#ffffff”]สรุปว่า[/su_highlight]ไม่สามารถที่จะพยากรณ์การเกิดล่วงหน้าของมันได้ แต่ที่จะสามารถสังเกตมันได้เวลามันเกิด
อีกทั้งการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ ได้เปิดเผยว่ามันสามารถเกิดขึ้นได้ที่ชายฝั่งในทุกๆวัน เกิดได้ในชายหาดทุกๆที่
กระแสน้ําที่ฉีกขาดเกิดจากลมและคลื่นที่แตกหักผลักดันน้ําผิวดินไปยังพื้นดินและสิ่งนี้ทําให้เกิดระดับน้ําตามแนวชายฝั่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อย น้ําส่วนเกินนี้มีแนวโน้มที่จะไหลกลับไปยังน้ําเปิดผ่านเส้นทางที่มีความต้านทานน้อยที่สุด เมื่อมีพื้นที่ท้องถิ่นที่ลึกกว่าเล็กน้อยหรือหยุดพักในแซนด์บาร์หรือแนวปะการังนอกชายฝั่งสิ่งนี้จะช่วยให้น้ําไหลออกนอกชายฝั่งได้ง่ายขึ้นและสิ่งนี้จะเริ่มต้นกระแสน้ําที่ฉีกผ่านช่องว่างนั้น
น้ําที่ถูกผลักขึ้นใกล้ชายหาดไหลไปตามชายฝั่งไปทางการฉีกขาออกเป็น “กระแสป้อน” จากนั้นน้ําส่วนเกินไหลออกมาในมุมขวาไปยังชายหาดในกระแสแน่นที่เรียกว่า “คอ” ของการฉีก “คอ” เป็นที่ที่การไหลเร็วที่สุด เมื่อน้ําในกระแสน้ําที่ฉีกขาดถึงด้านนอกของเส้นของคลื่นแตกการไหลจะกระจายไปด้านข้างสูญเสียพลังงานและกระจายในสิ่งที่เรียกว่า “หัว” ของการฉีกขาด
กระแสน้ําที่ฉีกขาดสามารถเกิดขึ้นได้จากชายฝั่งมหาสมุทรทะเลและทะเลสาบขนาดใหญ่เมื่อใดก็ตามที่มีคลื่นพลังงานเพียงพอ กระแสน้ําที่ฉีกขาดมักเกิดขึ้นบนชายฝั่งที่เก็บเข้าที่ค่อยๆซึ่งคลื่นแตกเข้าใกล้ชายฝั่งขนานกับมันหรือที่ภูมิประเทศใต้น้ํากระตุ้นให้เกิดการไหลออกในพื้นที่เฉพาะแห่งหนึ่ง ตําแหน่งของกระแสน้ําที่ฉีกอาจเป็นเรื่องยากที่จะทํานาย บางคนมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นอีกในสถานที่เดียวกันเสมอ แต่คนอื่น ๆ สามารถปรากฏและหายไปอย่างกะทันหันในสถานที่ต่าง ๆ ตามชายหาด ลักษณะที่ปรากฏและการหายตัวไปของกระแสน้ําที่ฉีกขึ้นอยู่กับภูมิประเทศด้านล่างและทิศทางที่แน่นอนที่คลื่นและบวมกําลังเข้ามา
กระแสฉีกเกิดขึ้นทุกที่ที่มีความแปรปรวนของ longshore ที่แข็งแกร่งในการทําลายคลื่น ความแปรปรวนนี้อาจเกิดจากคุณสมบัติเช่นแซนด์บาร์โดยท่าเรือและท่าเทียบเรือและแม้กระทั่งการข้ามรถไฟคลื่นและมักจะตั้งอยู่ในสถานที่ที่มีช่องว่างในแนวปะการังหรือพื้นที่ต่ําบนแซนด์บาร์ กระแสน้ําที่ฉีกเมื่อก่อตัวขึ้นอาจทําให้ช่องลึกขึ้นผ่านแซนด์บาร์
กระแสน้ําที่ฉีกมักจะค่อนข้างแคบ แต่พวกเขามีแนวโน้มที่จะเป็นเรื่องธรรมดากว้างขึ้นและเร็วขึ้นเมื่อใดและที่คลื่นแตกมีขนาดใหญ่และมีประสิทธิภาพ ภูมิประเทศใต้น้ําในท้องถิ่นทําให้ชายหาดบางแห่งมีแนวโน้มที่จะมีกระแสน้ํากระเพื่อม ชายหาดบางแห่งมีชื่อเสียงในแง่นี้ 3
แม้ว่ากระแสน้ําที่ฉีกขาดจะผิด แต่ในพื้นที่ที่มีช่วงน้ําขึ้นน้ําลงที่สําคัญกระแสน้ําที่ฉีกอาจเกิดขึ้นในบางขั้นตอนของกระแสน้ําเมื่อน้ําตื้นพอที่จะทําให้คลื่นแตกเหนือแถบทราย แต่ลึกพอที่คลื่นแตกจะไหลผ่านบาร์ (ในส่วนของโลกที่มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างน้ําขึ้นน้ําลงและน้ําลงและที่ชั้นวางของชายฝั่งเบา ๆ ระยะห่างระหว่างบาร์และชายฝั่งอาจแตกต่างกันไปจากไม่กี่เมตรถึงหนึ่งกิโลเมตรหรือมากกว่าขึ้นอยู่กับว่ามันเป็นน้ําขึ้นน้ําลงหรือน้ําลง)
ความเข้าใจผิดที่ค่อนข้างพบได้ทั่วไปคือกระแสน้ําที่ฉีกสามารถดึงนักว่ายน้ําลงใต้ผิวน้ํา สิ่งนี้ไม่เป็นความจริงและในความเป็นจริงกระแสฉีกนั้นแข็งแกร่งที่สุดใกล้กับพื้นผิวเนื่องจากการไหลใกล้ด้านล่างช้าลงจากแรงเสียดทาน
พื้นผิวของกระแสน้ําที่ฉีกมักจะดูเหมือนเป็นพื้นที่น้ําที่ค่อนข้างเรียบโดยไม่มีคลื่นแตกและลักษณะที่หลอกลวงนี้อาจทําให้นักเที่ยวชายหาดบางคนเชื่อว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะสมในการลงไปในน้ํา 4
[su_heading size=”18″ align=”left”]ระยะเวลาในการเกิด[/su_heading]เกิดเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็หายไป เกิดเพียงชั่วสั้นๆ สามารถเกิดได้อย่างต่อเนื่องหลายครั้งใน 1 วัน
[su_heading size=”18″ align=”left”]ความเร็วของมัน[/su_heading]ปกติความเร็วของมันอยู่ที่ 0.5 เมตรต่อวินาที แต่เคยเร็วถึง 2.5 เมตรต่อวินาที เร็วมากกว่าที่มนุษย์สามารถที่จะว่ายได้ เร็วกว่านักกีฬาว่ายน้ำโอลิมปิกในโลกนี้
[su_heading size=”18″ align=”left”]รู้ได้ไงว่ามันคือ Rip Current[/su_heading]มันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เราสามารถที่จะรู้จักมันได้ ลักษณะมันจะคล้ายถนนหรือแม่น้ำที่ไหลออกจากฝั่ง Rip Current สามารถสังเกตง่ายเมื่ออยู่ที่สูง หรืออยู่บนฝั่ง หรือสังเกตุจากอาการเหล่านี้
1. สังเกตรูปทรงของคลื่น กระแสน้ำจะกลายเป็นราบเรียบ จะมีกระแสน้ำไหลเข้าทั้งสองฝั่งของกระเเสน้ำของ RIP (คลื่นยักษ์ที่พัดเราออก)
2. พื้นผิวของRip บ่างครั้งพื้นผิวจะคล้ายฟองสบู่ เพราะกระแสน้ำจะหมุนอย่างแรงเกิดฟองขึ้นมาบนผิวน้ำ
3. ความแตกต่างของสีน้ำ สีของคลื่นยักษ์จะสีขุ่นมัว สีมันจะมืด เข้มกว่าสีของน้ำรอบๆมัน
4. บางครั้งจะเห็นสีของเศษก้อนหินอยู่บนพื้นผิวของคลื่นยักษ์ ในส่วนของตรงคลื่นยักษ์ที่แตกหักจะเห็นเศษสิ่งของไหลมายังชายฝั่ง
ลักษณะที่มองเห็นได้
โฟมจํานวนมากที่ดําเนินการในทะเลในแถบแคบ ๆ ของน้ํามักจะเป็นสัญญาณที่มองเห็นได้ของกระแสน้ําที่ฉีกขาด
กระแสน้ําที่ฉีกมีลักษณะเฉพาะและด้วยประสบการณ์บางอย่างพวกเขาสามารถระบุได้ด้วยสายตาจากชายฝั่งก่อนที่จะลงไปในน้ํา สิ่งนี้เป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ช่วยชีวิตนักว่ายน้ํานักโต้คลื่นชาวเรือนักดําน้ําและผู้ใช้น้ําอื่น ๆ ที่อาจต้องหลีกเลี่ยงการฉีกขาดหรือในบางกรณีใช้ประโยชน์จากการไหล
กระแสน้ําที่ฉีกขาดมักจะดูเหมือนถนนหรือแม่น้ําที่ไหลออกสู่ทะเลและพวกเขาจะสังเกตเห็นได้ง่ายที่สุดและระบุได้ว่าโซนของคลื่นแตกจะถูกมองจากจุดชมวิวสูงเมื่อใด ต่อไปนี้เป็นลักษณะภาพบางอย่างที่สามารถใช้เพื่อระบุการริพ:7
การแตกหักที่เห็นได้ชัดเจนในรูปแบบของคลื่น – น้ํามักจะดูแบนที่การฉีกขาดในทางตรงกันข้ามกับเส้นของคลื่นที่แตกหักทั้งสองด้านของการฉีกขาด
“แม่น้ํา” ของโฟม – พื้นผิวของการฉีกบางครั้งดูเป็นฟองเพราะกระแสกําลังแบกโฟมจากเซิร์ฟออกไปเปิดน้ํา
สีต่าง ๆ – การฉีกขาดอาจแตกต่างจากน้ําโดยรอบ มันมักจะทึบแสงมีเมฆมากหรือโคลนดังนั้นขึ้นอยู่กับมุมของดวงอาทิตย์การฉีกอาจแสดงเป็นสีเข้มหรือเบากว่าน้ําโดยรอบ
บางครั้งก็เป็นไปได้ที่จะเห็นว่าโฟมหรือเศษลอยบนพื้นผิวของการฉีกกําลังย้ายออกจากชายฝั่ง ในทางตรงกันข้ามในพื้นที่โดยรอบของคลื่นแตกวัตถุลอยและโฟมจะถูกผลักไปยังชายฝั่ง
ลักษณะเหล่านี้มีประโยชน์ในการเรียนรู้ที่จะรับรู้และเข้าใจลักษณะของกระแสน้ําที่ฉีกขาด การเรียนรู้สัญญาณเหล่านี้สามารถทําให้บุคคลรับรู้ถึงการมีอยู่และตําแหน่งของการฉีกขาดก่อนที่จะลงไปในน้ํา
ในสหรัฐอเมริกาชายหาดบางแห่งมีสัญญาณที่สร้างขึ้นโดยสํานักงานบริหารมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติ(NOAA) และสมาคมช่วยชีวิตสหรัฐอเมริกาอธิบายว่ากระแสฉีกคืออะไรและจะหลบหนีได้อย่างไร สัญญาณเหล่านี้มีชื่อว่า “กระแสฉีก; ทําลายกริปแห่งการริป” 8เครื่องหมายสองข้อนี้แสดงในภาพที่ด้านบนของบทความนี้ นักเที่ยวชายหาดยังสามารถรับข้อมูลจากไลฟ์การ์ดที่คอยเฝ้าดูกระแสน้ําที่ฉีกอยู่เสมอและใครจะย้ายธงความปลอดภัยเพื่อให้นักว่ายน้ําสามารถหลีกเลี่ยงการฉีกขาดได้
[su_heading size=”18″ align=”left”]จงระมัดระวังคำเตือนจากธงเหล่านี้[/su_heading]ธงสีเหลือง หมายถึงทะเลคลื่นเริ่มแรง ไม่แนะนำให้ว่ายน้ำออกไปจากฝั่ง อาจเกิดเหตุการณ์ Rip Current
ธงสีเเดง หมายถึง น้ำค่อนข้างอันตราย ไม่แนะนำเลยให้ออกไปจากทะเล
ธงสีเเดงซ้อนกัน หมายถึง ชายหาดได้ปิดไม่สามารถลงได้เเล้ว
กระแสน้ําที่ฉีกขาดเป็นแหล่งอันตรายที่อาจเกิดขึ้นสําหรับคนในน้ําตื้นที่มีคลื่นแตกไม่ว่าจะเป็นในทะเลมหาสมุทรหรือทะเลสาบ 7กระแสน้ําที่ฉีกเป็นสาเหตุใกล้เคียงของการช่วยเหลือ 80% ที่ดําเนินการโดยเจ้าหน้าที่ช่วยชีวิตชายหาด 9
กระแสน้ําที่ฉีกมักจะไหลที่ประมาณ 0.5 m / s (1.6 ft / s) แต่สามารถเร็วถึง 2.5 m / s (8.2 ft / s) ซึ่งเร็วกว่าที่มนุษย์ทุกคนสามารถว่ายน้ําได้ อย่างไรก็ตามกระแสน้ําที่ฉีกส่วนใหญ่ค่อนข้างแคบและแม้แต่กระแสน้ําที่กว้างที่สุดก็ไม่กว้างมาก นักว่ายน้ํามักจะสามารถออกจากการฉีกขาดได้อย่างง่ายดายโดยการว่ายน้ําในมุมขวาเพื่อไหลขนานกับชายหาด นักว่ายน้ําที่ไม่ทราบถึงความจริงข้อนี้อาจทําให้ตัวเองหมดแรงพยายามว่ายน้ํากับกระแสไม่สําเร็จ 2การไหลของกระแสยังจางหายไปอย่างสมบูรณ์ที่หัวของการฉีกนอกโซนของคลื่นแตกดังนั้นจึงมีข้อ จํากัด ที่แน่นอนว่านักว่ายน้ําจะถูกนําออกสู่ทะเลไกลแค่ไหนโดยการไหลของกระแสน้ําที่ฉีก
ในกระแสน้ําที่ฉีกขาดความตายโดยการจมน้ําเกิดขึ้นเมื่อบุคคลมีทักษะน้ําและความตื่นตระหนกที่ จํากัด หรือเมื่อนักว่ายน้ํายังคงพยายามว่ายน้ําไปยังชายฝั่งกับกระแสน้ําที่ฉีกขาดและในที่สุดก็หมดแรงและจมน้ําตาย
ตาม NOAA, กว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี, กระแสฉีกทําให้ 46 เสียชีวิตต่อปีในสหรัฐอเมริกา, และ 64 คนเสียชีวิตในกระแสฉีกใน 2013. อย่างไรก็ตามสมาคมช่วยชีวิตแห่งสหรัฐอเมริกา“ประเมินว่าจํานวนผู้เสียชีวิตประจําปีเนื่องจากกระแสน้ําที่ฉีกขาดบนชายหาดของประเทศของเราเกิน 100 คน” 8
การศึกษาที่ตีพิมพ์ในปี 2013 ในออสเตรเลียเปิดเผยว่าการฉีกขาดฆ่าคนในดินแดนออสเตรเลียมากกว่าไฟป่าน้ําท่วมพายุไซโคลนและการโจมตีของฉลามรวมกัน
[su_heading size=”18″ align=”left”]วิธีการรับมือกับ Rip Current[/su_heading]จำไว้คุณต้องมีสติ อย่าตื่นตระหนก ถ้าคุณตกอยู่ในกระแสน้ำคลื่นยักษ์ที่พาคุณออกไป ความเร็วมันเร็วมาก มันอันตรายถ้าคุณไม่รู้จักวิธีการรับมือกับมัน ครูจิ้นแนะนำให้คุณว่ายขนานไปกับชายฝั่ง หรืออีกวิธี 😮 ที่จะรับมือมันคือปล่อยให้มันพาคุณออกไปจากนอกชายฝั่ง มันจะไม่พาคุณไปใกลมากเกินไป และเมื่อกระแสน้ำมันหยุดแล้วคุณก็แค่เพียงว่ายกลับมา ในคอร์สทุกคอร์สครูจิ้นจะสอนถึงวิธีการว่ายให้เร็วคุณจะสามารถว่ายได้เร็วเพื่อคุณจะเอาตัวรอดได้ในทุกสถานการณ์ อาทิเช่น รถตกลงไปในน้ำ เรือล่ม หนีคู่อริในการทำร้ายจำเป็นต้องลงลงไปในน้ำเพื่อหลบหลีกกระสุน เป็นต้น
[su_heading size=”18″ align=”left”]แล้วทำไมมีคุณเสียชีวิตจำนวนมากในเหตุการณ์นี้[/su_heading]ถ้านักเรียนไม่เข้าใจมันเราจะคิดว่ามันพาเราไปใกลออกจากฝั่งมากทำให้เราตกใจกลัวและว่ายต้านกระแสน้ำมัน ทำให้เราตกใจ และทำให้เราเกิดการจมน้ำถ้าเรามีทักษะในการว่ายน้ำไม่แข็งแรงพอ
อย่างไรก็ตามกระแสน้ำที่พาเราออกไม่กว้างเกินไป ไม่กว้างมากจนทำให้นักว่ายน้ำไม่สามารถว่ายหักมุมหลบกระแสน้ำได้ แต่นักว่ายน้ำบางคนไม่เข้าใจถึงธรรมชาติของปรากฏการณ์ทำให้ว่ายทวนกระแสน้ำทำให้หมดแรง หรือผู้ที่ขาดทักษะว่ายน้ำที่แข็งแรงทำให้จมน้ำตาย
ตัดสินใจลงเรียนว่ายน้ำกับครูจิ้นวันนี้ซิครับ เหตุการณ์นี้เราไม่เเน่ใจว่าจะเกิดขึ้นได้เมื่อไหร่ ที่ไหน เราทุกคนต้องเตรียมตัวให้พร้อมรับมือสำหรับทุกๆเหตุการณ์ ไม่เพียงเเต่ว่ายน้ำเป็นคงไม่พอ ต้องว่ายน้ำให้เร็ว และถูกต้อง คุณจะสามารถเผชิญกับการทดลองได้ เมื่อคุณผ่านหลักสูตรครูจิ้นในระดับต้นและระดับกลางไปเเล้ว
การจัดการ
คนที่ติดอยู่ในกระแสน้ําที่ฉีกอาจสังเกตเห็นว่าพวกเขากําลังย้ายออกจากชายฝั่งอย่างรวดเร็ว บ่อยครั้งที่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะว่ายน้ํากลับไปที่ฝั่งโดยตรงกับกระแสน้ําที่ฉีกขาดดังนั้นจึงไม่แนะนํา ตรงกันข้ามกับความเข้าใจผิดที่เป็นที่นิยมการฉีกขาดไม่ได้ดึงนักว่ายน้ําใต้น้ํา มันเพียงแค่นํานักว่ายน้ําออกไปจากชายฝั่งในวงแคบของน้ําที่เคลื่อนไหว 1
กระแสน้ําที่ฉีกเป็นเหมือนลู่วิ่งเคลื่อนที่ ซึ่งนักว่ายน้ําสามารถออกจากตําแหน่งได้ค่อนข้างง่ายโดยการว่ายน้ําในมุมขวาข้ามกระแสเช่นขนานกับชายฝั่งในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง กระแสฉีกมักจะไม่กว้างมากดังนั้นการออกจากหนึ่งใช้เวลาเพียงไม่กี่จังหวะ เมื่อออกจากกระแสน้ําที่ฉีกแล้วการกลับไปที่ชายฝั่งก็ไม่ยากเนื่องจากคลื่นกําลังแตกและวัตถุลอยน้ํา (รวมถึงนักว่ายน้ํา) จะถูกผลักโดยคลื่นไปทางชายฝั่ง 12
อีกทางเลือกหนึ่งคือคนที่ติดอยู่ในการฉีกขาดที่แข็งแกร่งสามารถผ่อนคลาย (ทั้งลอยหรือเหยียบน้ํา) และปล่อยให้กระแสสามารถดําเนินการได้จนกว่าจะกระจายตัวอย่างสมบูรณ์เมื่ออยู่นอกเหนือสายโต้คลื่น จากนั้นบุคคลนั้นสามารถส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือหรือว่ายน้ํากลับผ่านเซิร์ฟโดยทําในแนวทแยงมุมห่างจากการฉีกขาดและไปทางชายฝั่ง 2
มันเป็นสิ่งจําเป็นสําหรับนักว่ายน้ําชายฝั่งไม่เพียง แต่จะเข้าใจอันตรายของกระแสน้ําที่ฉีก แต่เพื่อเรียนรู้วิธีจดจําพวกเขาและวิธีการจัดการกับพวกเขา และเมื่อใดก็ตามที่เป็นไปได้ก็เป็นสิ่งจําเป็นที่ผู้คนจะลงไปในน้ําเฉพาะในพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ช่วยชีวิตปฏิบัติหน้าที่
Reference:
https://en.wikipedia.org/wiki/Rip_current
http://www.ripcurrents.noaa.gov/science.shtml
http://www.kohchang2.com/rip_current.html