ก่อนอื่นที่เราจะเลือกครีมกันแดดสำหรับนักว่ายน้ำ เรามาทำความเข้าใจแสง UV กันก่อน ULTRA VIOLET RADIATION ให้มากขึ้น UV ที่เราคุ้ยเคยมีคลื่นความยาวและคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป 3 ชนิดได้เเก่ UVA (310-400 นาโนเมตร) UVB (290-320 นาโนเมตร) และ UVC (200-290 นาโนเมตร)จากคลื่นทั้งหมด UVC ถือว่าเป็นคลื่นที่สั่นที่สุด

UVA นี่นส่วนใหญ่พบได้ตลอดทั้งวัน ส่วน UVB มีปริมาณเยอะที่สุดในช่วง 11.00-14.00 น. ตราบใดที่เรายังมองเห็นแสงต่างๆได้แสดงว่ายังค่า VL VISIBLE LIGHT 400-760 นาโนเมตร

“UV เป็นช่วงคลื่นที่มีเพียง 3% ของคลื่นทั้งหมดในแสงอาทิตย์ธรรมชาติ ช่วงที่เยอะที่สุดคือ VL ซึ่งอาจไม่ได้มีผลกับผิวเฉียบพลันอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ UVB มีคุณสมบัติทำให้ผิวแดง แห้ง แสบ หรือไหม้ได้ โดยจะเริ่มการเปลี่ยนแปลงที่ 4-6 ชั่วโมง หลังโดนแดด

แสง UVA และแสง UVB  ซึ่งแสง UVA มีช่วงคลื่นยาวกว่า UVB สามารถผ่านทะลุเข้าไปถึงชั้นหนังกำพร้าและชั้นหนังแท้ ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น ผิวคล้ำ เป็นฝ้ากระ และทำให้เป็นมะเร็งผิวหนังได้ ส่วนแสง UVB เป็นแสงช่วงคลื่นสั้นกว่า UVA ทำให้เกิดผิวไหม้แดด จะมีอาการผิวบวมแดงและอาจพองปวดแสบร้อน ผิวไหม้และแห้งกร้าน ผิวเหี่ยวย่น คล้ำ เป็นฝ้ากระ ซึ่งเมื่อผิวถูกแดดเผาเป็นประจำจะทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง

วิธีป้องกันควรหลีกเลี่ยงการตากแดด หากจำเป็นต้องตากแดดควรใส่เสื้อแขนยาวคอปิด กางร่มหรือใส่หมวกปีกกว้าง และทาครีมกันแดดเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เพราะใต้ร่มไม้หรือชายคาบ้าน มีโอกาสได้รับรังสี UV เหมือนกับเวลาที่อยู่กลางแดด เนื่องจากพื้นคอนกรีต พื้นน้ำ พื้นทราย สามารถสะท้อนรังสี UV เข้าสู่ผิวกายได้

ครีมกันแดดสำหรับนักว่ายน้ำ การเลือกทาครีมกันแดดควรเลือกค่าทีมีค่า UPF 50+ เป็นอย่างน้อย สำหรับการเลือกใช้ครีมกันแดดควรเลือกชนิดที่เหมาะกับผิวและมีประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดอย่างแท้จริง ตัวเลข SPF (Sun Protection Factor) คือ ความสามารถของครีมกันแดดที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการแดงไหม้ซึ่งเกิดจาก UVB โดยจะแสดงค่าความสามารถในการป้องกันแสงแดดเป็นตัวเลข เช่น SPF 15, 30 เป็นต้น ถ้า SPF 15 หมายความว่า คนๆ หนึ่งตากแดด 30 นาทีแล้วเกิดผิวแดง ไหม้แสบ แต่ถ้าทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 จะสามารถตากแดดได้นานเป็น 15 เท่าของ 30 นาที หรือ ประมาณ 7 ชั่วโมงครึ่ง โดยไม่ก่อให้เกิดอาการแดงที่ผิวหนัง ที่สำคัญต้องเลือกครีมกันแดดที่สามารถป้องกัน UVAได้ โดยต้องมีส่วนผสมของสารกันแดดหรือสารกันแดดที่สะท้อนแสง ซึ่งทาแล้วอาจจะทำให้หน้าขาวบ้าง แต่ข้อดีคือไม่มีอาการระคายเคืองและไม่แพ้ ทั้งนี้ การทาครีมกันแดดควรเริ่มทาอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะเด็กๆ ที่เรียนว่ายน้ำ หรือเล่นกีฬากลางแจ้ง เพราะแสงอัลตราไวโอเลตจะมีผลเสียต่อผิวหนังแบบสะสม ดังนั้น การทาครีมกันแดดจึงเป็นเกราะป้องกันผิวหนังที่ดี

ครีมกันแดดสำหรับนักว่ายน้ำ ค่า SPF กับ PA คืออะไร

หลายคนคงสงสัยว่าค่าที่เขียนบนฉลากของครีมกันแดดคืออะไร ทางครูจิ้นสรุปให้แบบง่ายๆเลย

• SPF คือค่าป้องกันรังสี UVB ป้องกันการไหม้ของผิวหนัง (Sun Burn)
  หากเกิดอาการแดงบนผิวหนัง ขึ้นจุดพอง ๆ เหมือนมีน้ำอยู่ข้างใน เราจะเรียกอาการเหล่านี้ว่า Sun Burn ซึ่งเกิดจากรังสี UVB
  
• PA คือค่าป้องกันรังสี UVA ป้องกันการหมองคล้ำของผิวหนัง (Sun Tan)
  ถ้าผิวมีอาการเจ็บเหมือนอักเสบ เป็นสีแดงอยู่หลายวันแล้วจึงลอกออก กลายเป็นสีที่หมองคล้ำขึ้น อาการเหล่านี้เรียกว่า Sun Tan อันเกิดจากการกระทบรังสี UVA

ชนิดเนื้อครีมกันแดดสำหรับนักว่ายน้ำ

เลือกชนิดของครีมให้เหมาะกับสภาพผิว เพราะครีมกันแดดส่วนใหญ่อาจทำให้เกิดสิวอุดตัน หรืออาการแพ้จากสารเคมีได้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากเช่นกัน

• ครีมกันแดดเนื้อครีม
  จะมีเนื้อครีมข้นสีขาวบางยี่ห้อจะเหนียวๆ หน่อย เหมาาะกับคนที่ผิวแข็งแรงไม่แพ้ง่ายไม่เป็นสิว ค่อนข้างทนแดดอยู่ได้ค่อนข้างยาวนานกว่าชนิดอื่น
  
• ครีมกันแดดเนื้อเจล
  สำหรับคนที่เป็นสิวง่ายแนะนำเป็นเนื้อเจล เพราะจะไม่อุดตันในรูขุมขน เนื้อสัมผัสที่เบาสบาย มอบความสดชื่นให้แก่ผิว ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะหลังทา เหมาะสำหรับสภาพอากาศในบ้านเรามากๆ

ครีมกันแดดสำหรับนักว่ายน้ำ มีประโยชน์อย่างไร? ทำไมใครๆ ก็เลือกใช้

แสงแดด และรังสีอัลตราไวโอเลต รังสียูวีถือว่าเป็นสิ่งที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพผิวอย่างมาก ซึ่งด้วยสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงของโลกยิ่งทำให้ส่วนของโอโซนในชั้นบรรยากาศที่มีหน้าที่ในการกรองรังสียูวีมีความเบาบางลงเรื่อยๆ ทำให้รังสียูวีส่งผลกระทบและทำร้ายผิวของเรามากยิ่งขึ้น ดังนั้นครีมกันแดดทาหน้าหรือกันแดดทั่วไป จึงเป็นตัวช่วยอย่างดีที่จะปกป้องสภาพผิวให้พ้นจากอันตรายของรังสียูที่จะเข้ามาทำลายเซลล์ผิวให้เกิดผลเสีย ทำให้ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติจนเกิดเป็นปัญหาเรื่องผิวมากมายตามมา ซึ่งรังสีอันตรายนี้ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพผิวที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งผิวหนังชนิดต่างๆ อีกด้วย

นอกจากจะช่วยปกป้องสภาพผิวให้แข็งแรงพร้อมสู่กับรังสียูวีและลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาเรื่องผิวและสุขภาพภายในแล้ว ครีมกันแดด ยังมีส่วนช่วยในการฟื้นฟูและดูแลผิวของคุณให้สวยงาม เปล่งปลั่งและช่วยยับยั้งเซลล์ที่จะสร้างริ้วรอยก่อนวัยอันควร โดยมีผลการวิจัยได้พบว่า ผู้ที่มีต่ำกว่า 55 ปี ที่ ทากันแดด เป็นประจำนั้น จะมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์มากกว่ากลุ่มคนที่ไม่ทาครีมกันแดดในบางครั้งหรือไม่เคยทาโลชั่นกันแดดเลยถึง 24 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งยังรวมไปถึงช่วยลดการเกิดจุดด่างดำ ป้องกันอาการผิวไหม้ที่เกิดจากการถูกทำร้ายจากแสงแดด รังสียูวีบี และช่วยดูแลสภาพผิวไม่ให้คล้ำเสีย

นอกจาก ครีมกันแดดทาหน้า และ โลชั่นกันแดด ทั่วไปจะช่วยดูแลเรื่องผิวแล้ว ในปัจจุบันยังมีการพัฒนาในเรื่องของคุณภาพและสูตรที่หลากหลายเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ใช้งาน รวมถึงคุณสมบัติพิเศษอีกมากมาย ทั้งความเรียบเนียนและ เนื้อครีมของครีมกันแดด บางชนิดที่สามารถนำมาใช้แทน รองพื้น ช่วยปกปิดจุดด่างดำและริ้วรอยต่างๆ ได้อย่างเรียบเนียน ดูสวยใสแบบธรรมชาติ หรืออาจจะเป็นครีมกันแดดสำหรับไปทะเลหรือกันแดดกันน้ำ ที่ทำให้คุณเพลิดเพลินไปกับความสนุกสนานท่ามกลางแสงแดดแบบไม่ต้องกลัวผิวไหม้หรือปัญหาผิวต่างๆ ที่จะเข้ามากระทบ

ประเภทของ ครีมกันแดดสำหรับนักว่ายน้ำ

อีกหนึ่งสิ่งที่คุณจะต้องเรียนรู้เพื่อการเลือกซื้อ ครีมกันแดดทาหน้า หรือ โลชั่นกันแดด ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดก็คือ การเลือกประเภทของ ครีมกันแดด ให้เหมาะสม ซึ่งปัจจุบันมีการผลิตภัณฑ์กันแดดออกมาหลากหลายรูปแบบ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

–  ครีมกันแดดชนิด Chemical
ครีมกันแดด Chemical หรือชนิดเคมี เป็นผลิตภัณฑ์กันแดดที่จะมีสารเคมีในการเป็นส่วนผสมสำหรับการปกป้องดูแลสภาพผิวจากแสงแดดและรังสียูวี โดยกันแดดทาหน้าและกันแดดตัวประเภทนี้จะมีประสิทธิภาพในการดูดซับรังสีที่กระจายเข้าสู่ผิวหนังแล้วเปลี่ยนให้เป็นความร้อน เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผิวด้านใน เป็นครีมทาผิวกันแดดมีเนื้อเข้มข้น ซึบซับได้ง่ายและมีประสิทธิภาพสูง แต่ก็ต้องหมั่นทาเป็นประจำทุกๆ 2 – 3 ชั่วโมงเพราะหลังจากที่โดนแสงแดดแล้ว สารเคมีจากครีมกันแดดจะละลายและเสื่อมสภาพไป

– ครีมกันแดดทาหน้า
ครีมกันแดด Physical หรือชนิดกายภาพ จะเป็นครีมกันแดดสำหรับผิวแพ้ง่าย มีความระคายเคืองต่อผิวน้อยกว่าชนิดเคมี มีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ที่สูง แต่ค่อนข้างล้างออกยากกว่าแบบแรก

– ครีมกันแดดแบบผสม
ครีมกันแดดแบบผสม จะเป็นชนิดที่มีการผสมผสานระหว่างแบบเคมีและกายภาพ ที่จะมีนำข้อดีและข้อจำกัดของแต่ละชนิดมาผสมร่วมกันให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งความสามารถในการป้องกันแสงแดดที่ยอดเยี่ยม ลดสารเคมีและอ่อนโยนต่อผิว ไปจนถึงความละเอียดของเนื้อครีมที่ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและกระจ่างใส

• La Roche Posay Anthelios Hydrating Cream SPF 50
  

Eucerin Sun Dry Touch Oil Control Face SPF50+ PA+++

ใครที่เชื่อถือในความเป็นเวชสำอางอย่าง Eucerin ก็มีครีมกันแดดตัวเทพอย่าง Eucerin Sun Dry Touch Oil Control Face SPF50+ PA+++ เป็นเนื้อครีมแบบ Dry Touch ผลิตมาเพื่อคนเป็นสิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ ปกป้องทุกรังสีทั้ง UVA/B ลดการทำร้ายผิวจากรังสี High Energy Visible Light ถึง 85% ลดจุดด่างดำ ฝ้าแดดฝังลึก ผสานคาร์นีทีนช่วยควบคุมความมันระหว่างวัน ได้ยาวนานถึง 8 ชั่วโมง  ผ่านการทดสอบว่าไม่อุดตัน (Non-Acnegenic) ปราศจากน้ำหอมอีกด้วยนะ รับรองถูกใจคนเป็นสิวแน่นอน

Bioré UV Aqua Rich Watery Essence SPF50+ PA+++

ANESSA Perfect Facial UV Sunscreen SPF50+ PA++++

ครีมกันแดด Aqua+ Series Multi-Protection Sunscreen SPF 50+, PA++++

ครีมกันแดดสูตรน้ำ อุดมด้วยสารสกัดจากธรรมชาติหลากหลายชนิด Portulaca Oleracea Extract อุดมด้วยวิตามินซี เบต้าแคโรทีน และสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ ช่วยปลอมประโลมผิวที่ระคายเคืองให้กลับมาสุขภาพผิวดีแข็งแรง ผิวหน้าจะรู้สึกผ่อนคลาย Gnaphalium Leontopodium Flower Extract ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะที่เลวร้าย ช่วยปรับสภาพผิวให้ขาวกระจ่างใส Bellis Perennis (Daisy) Flower Extract

กันแดดทาหน้า ที่ช่วยฟื้นบํารุงให้ผิวกระจ่างใส ลดเลือนรอยแดง และจุดด่างดําที่เกิดจากสิว และยังสามารถลดการเกิดริ้วรอยแห่งวัย เป็นครีมกันแดดสูตรน้ำที่ซึมเร็วไม่เหนียวเหนอะหนะ  ไม่อุดตันรูขุมขนไม่ทำให้เกิดสิว จึงเป็น ครีมกันแดดยอดฮิต อีกหน่งแบรนด์ เพราะ  เนื้อครีมกันแดด เป็นสีขาวไม่ผสมสีและสามารถปรับสภาพผิวด้วยเทคโนโลยี Sphere SD 20  เกลี่ยง่ายไม่มีคราบขาวสามารถใช้ได้ทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวมันเป็นสิวง่ายทาซ้ำระหว่างวันได้ โดยไม่ทำให้หน้าเป็นคราบ ควรใช้เป็นประจำทุกวันจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงของผิวได้อย่างชัดเจน

ครีมกันแดด SpectraBAN

ครีมกันแดด นี้มีส่วนผสมของ Microfine Zinc Oxide 9.8% และ Dimethicone ทำให้เนื้อครีมสามารถกระจายได้ทั่วใบหน้าให้ผิวขาวเนียนเป็นธรรมชาติ ปกป้องผิวจากแสงแดดช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยจากรังสียูวี ปกป้องการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ ด้วยการป้องกันรังสี UVB ด้วย SPF50+ และรังสี UVA (PA+++)
เนื้อครีมบางเบา ไม่ทิ้งคราบขาวและไม่มัน

CLARINS UV PLUS [5P] ANTI-POLLUTION SPF50 PA+++

รีวิวดีงามจากประเทศเกาหลีได้ จนสาว ๆ ชาวไทยต้องไปลองซื้อมาใช้ตามสำหรับครีมกันแดดอันดับหนึ่งของคลาแรงส์ที่มาช่วยทั้งปกป้องผิวและเติมความชุ่มชื่นให้ผิวได้ง่าย ๆ ในชั้นตอนเดียว New! Clarins UV Plus Anti-Pollution SPF50 – PA+++ ที่มีจุดเด่นคือช่วยปกป้องผิวจาก 5 มลภาวะที่พบในชีวิตประจำวัน ได้แก่  มลภาวะในบรรยากาศ, ในที่ร่ม, ละอองเกสรดอกไม้,  แสงสีฟ้าและมลภาวะทางแสง และอีกจุดเด่นคือด้วยส่วนผสมสำคัญที่ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิวคือ Mango Leaf, Leaf of Life, Furcellaria, ไวท์ ฮอร์ฮาวด์และ Succory Dock-Cress ออร์แกนิค ที่ปกป้องผิวให้แข็งแรงมากถึง 64 % และช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิวสมดุลมากถึง 74% เนื้อสัมผัสเจลครีมบางเบา ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างดีเยี่ยม ไม่รู้สึกหนักผิว มีสามเฉดสีให้เลือกด้วย Translucent –  เนื้อสีขาวโปร่งแสง, Rose – สีชมพูอ่อน ผิวกระจ่างใสขึ้นอีกหนึ่งระดับ , Lavender – สีม่วงอ่อน ปรับสีผิวที่หมองคล้ำให้ดูกระจ่างใสขึ้น  🌤️30 ml ราคาประมาณ 1,990 บาท

ร้อนเเค่ไหนที่มนุษย์รับได้

อย่างไรก็ตามศักยภาพของร่างกายมนุษย์สามารถรับมือกับความร้อนที่สูงได้ถึง 50 องศาเซลเซียส ตราบใดที่คุณยังเหงื่อออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ปัญหาที่แท้จริงคือ ‘ความชื้น’ (Humidity) ต่างหากที่มีบทบาทสำคัญต่อชีวิตคุณ ร่างกายจะพยายามลดความร้อนผ่านเหงื่อให้ระเหยออกมาเพื่อมอบความเย็นให้ แต่เมื่อความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศมีมากถึง 90% ขึ้นไป ความชื้นที่หนาแน่นระดับนี้ มีแต่ทำให้เหงื่อคุณหยดติ๋งๆ เป็นน้ำแทนที่มันควรจะระเหยออก ทำให้อุณหภูมิในร่างกายคุณไม่ได้ลดลงเลย แถมสูญเสียน้ำในร่างกายอีกต่างหาก

มีการวางข้อสันนิษฐานโดยคร่าวๆ ระบุว่า ร่างกายมนุษย์นั้นสามารถรับมือความร้อนที่ 40 องศาเซลเซียสโดยมีค่าความชื้นอยู่ที่ 75% ถือเป็นระดับที่ ‘มนุษย์พอจะมีชีวิตรอดในระยะเวลา 6 ชั่วโมง’ หากมากเกินไปกว่านี้ ร่างกายจะไม่สามารถทำงานได้ปกติ แต่ก็ยังไม่มีที่ใดบนโลกที่อุณหภูมิสูงระดับ 40 องศาและความชื้นสูงเกิน 75%

แม้เมือง Bandar Mahshahr ในประเทศอิหร่านในปี 2015 ที่อุณหภูมิสูงระดับประวัติการณ์ไปแตะถึง 50 องศาเซลเซียส แต่ค่าความชื้นสัมพัทธ์ก็อยู่ที่ 46% เท่านั้น ถือว่ายังปราณีต่อมนุษย์อยู่ เหงื่อที่ออกยังระเหยมอบความเย็นได้บ้าง

แม้ข้อสันนิฐานที่ว่า ยังไม่มีที่ใดบนโลกตามธรรมชาติอุณหภูมิสูง 40 องศา บวกกับค่าความชื้นเกิน 75% แต่ก็ไม่แน่ที่สถิตินี้จะคงอยู่ถาวรต่อไปภายใต้สถานการณ์โลกร้อนผีเข้าผีออกเช่นนี้

กล้ามเนื้อมนุษย์สูญเสียพลังงานไปถึง 90% เป็นพลังงานความร้อน ตั้งแต่ก้าวแรกที่คุณออกเดินหรือวิ่ง ความร้อนที่เกิดขึ้นจะสะสมอิงกับอุณหภูมิสภาพแวดล้อมภายนอกด้วย ดังนั้นอุณหภูมิร่างกายของมนุษย์จึงอิงกับสภาพแวดล้อม ที่หากเพิ่มหรือลดเพียงไม่กี่องศาก็อาจทำให้รูปแบบการทำงานของร่างกายเปลี่ยนไปจากเดิม

อุณหภูมิร่างกายมนุษย์มีสมดุลอยู่ระหว่าง 36.5 – 37.5 องศาเซลเซียส ซึ่งระบบเผาผลาญ เอนไซม์และโปรตีนในร่างกายจะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากที่สุด อันเป็นผลมาจากวิวัฒนาการหลายล้านปีที่การอาศัยบริเวณทุ่งสะวันน่าทำให้ร่างกายคุ้นชินจนสร้างระบบลดความร้อนในร่างกายที่ซับซ้อนและเป็นไปโดยสัญชาตญาณ

แต่หากกระบวนการร่างกายไม่สามารถจัดการได้ พฤติกรรมที่ไม่ผ่านการตระหนักรู้จะทำให้คุณหาวิธีอื่นๆมาลดความร้อน ทั้งการพัดกระพือให้เกิดลมเย็น ถอดเสื้อที่หนาออก รู้สึกกระหายต้องหาน้ำดื่ม เนื่องจากพฤติกรรมเหล่านี้ถูกควบคุมผ่านประสาทรับอุณหภูมิ (thermoreceptors) ที่กระจายไปทั่วร่างกายทั้งในผิวหนัง กล้ามเนื้อ กระเพาะอาหาร ล้วนอ่อนไหวต่ออุณหภูมิเป็นพิเศษ

Reference:

10 ครีมกันแดด ยี่ห้อไหนดี 2021 – Raksuay.com [อัพเดท-ล่าสุด ]

https://siamrath.co.th/n/78816

9 ครีมกันแดดที่ดีที่สุด 2021 ไอเท็มที่ตัวแม่ต้องมี! – Blog – YouTrip Thailand

รู้ทันแดดเมืองไทย! ทำความเข้าใจประโยชน์และผลไม่พึงประสงค์ที่มาพร้อมแสงอาทิตย์ (healthyliving.in.th)

“แดดประเทศไทยหรือไออุ่นอเวจี” ร่างกายของมนุษย์นี้ทนทานความร้อนได้แค่ไหน? (thematter.co)